รับคั่วกาแฟ จากโรงคั่วกาแฟมาตรฐานสากลจากฮิลล์คอฟฟ์

โรงคั่วกาแฟของฮิลล์คอฟฟ์ รับคั่วกาแฟด้วยมาตรฐานระดับสากลและประสบการณ์ในแวดวงธุรกิจกาแฟยาวนานกว่า 50 ปี มาพร้อมกับเครื่องคั่วกาแฟล้ำสมัยที่สามารถดึงรสชาติของกาแฟออกมาได้อย่างลงตัว และการตรวจสอบคุณภาพสารกาแฟอย่างพิถีพิถันในการคัดสรรผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้บริการรับคั่วเมล็ดกาแฟของ Hillkoff สามารถส่งมอบเมล็ดกาแฟคั่วที่หอมกรุ่นและได้คุณภาพเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์กาแฟของเราเองแก่ลูกค้าทุกท่าน จนสามารถนำไปรังสรรค์เมนูกาแฟ หรือแม้แต่สร้างแบรนด์ของตนเองได้

รู้จักการคั่วกาแฟอย่างมืออาชีพ จากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงกาแฟ

การคั่วกาแฟ คือ การนำสารกาแฟที่พร้อมคั่วมาผ่านความร้อนให้เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีน้ำตาลเพื่อเตรียมพร้อมให้กลายเป็นเมล็ดกาแฟคั่วบด ซึ่งวิธีการคั่วก็จะมีเวลา ความแรงของไฟ และอุณหภูมิเข้ามาเป็นตัวแปรสำหรับควบคุมระดับการคั่วกาแฟ เนื่องจากระดับการคั่วเมล็ดกาแฟนั้นมีผลสำคัญต่อรสชาติและกลิ่นของกาแฟเป็นอย่างมาก และการคั่วแต่ละระดับก็ให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันอย่างมาก หลัก ๆ แล้วก็จะมีทั้ง 3 ระดับการคั่ว ดังนี้

ระดับการคั่วกาแฟ

  • คั่วอ่อน (Light Roast)
เมล็ดกาแฟคั่วอ่อนจะมีสีน้ำตาลอ่อน และแห้ง เนื่องจากน้ำมันจากเมล็ดยังไม่ออกมาเคลือบผิว การคั่วแบบอ่อนนี้จะให้รสชาติเปรี้ยวเด่นและขมอ่อน ๆ เหมาะกับการทำกาแฟดริป หรือกาแฟแนว Slowbar ที่สามารถดึงความโดดเด่นของรสชาติกาแฟออกมาได้อย่างชัดเจน เนื่องการเมล็ดกาแฟคั่วอ่อนยังเก็บความเป็นธรรมชาติของกาแฟได้สูงกว่าระดับการคั่วอื่น ๆ และเพื่อคั่วเมล็ดกาแฟให้เป็นแบบคั่วอ่อนนั้นควรปรับเครื่องคั่วกาแฟในความร้อนที่ 190-210 องศาเซลเซียส จากนั้นใส่สารกาแฟลงไป และให้เครื่องคั่วกาแฟเริ่มทำงาน สิ่งที่ควรใส่ใจคือ เสียงแตกแรกของเมล็ดกาแฟ โดยเมื่อเสียงแตกครั้งแรกเริ่มขึ้น ให้คั่วเมล็ดกาแฟต่อไปอีกหน่อย ก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้น เราก็จะได้เมล็ดกาแฟคั่วอ่อนมาแล้ว
  • คั่วกลาง (Medium Roast)
กาแฟคั่วกลางถือเป็นระดับการคั่วที่ได้รับควาามนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีความสมดุลระหว่างความหวานและความเปรี้ยวที่ลงตัวพอดี และมีความขมไม่มากจนเกินไป เมล็ดกาแฟจะมีสีน้ำตาลเข้ม และแห้งน้อยกว่าระดับคั่วอ่อน เมล็ดกาแฟคั่วกลางจะใช้เวลาคั่วนานกว่ากาแฟคั่วอ่อน วิธีคั่วกาแฟสดแบบนี้ต้องรอจนกว่าจะมีเสียงแตกครั้งที่ 2 ก็ถือว่าใช้ได้ อย่างไรก็ตามควรดูสีและความแห้งของเมล็ดกาแฟคั่วด้วย หากมีสีน้ำตาลค่อนไปทางเข้ม แล้วผิวเริ่มมีน้ำมันเคลือบแต่ไม่มากจนเกินไปก็ถือว่าใช้ได้แล้ว การคั่วกลางนั้นค่อนข้างยากกว่าระดับอื่น ๆ เนื่องจากคาบเกี่ยวกันระหว่างคั่วอ่อน คั่วเข้ม จึงต้องดูจากหลายปัจจัยอย่างสอดคล้องกัน หากยังไม่ชำนาญ เราขอแนะนำให้ใช้บริการรับจ้างคั่วกาแฟจาก Hilkoff ที่นี่มีทีมงานมากประสบการณ์และเครื่องคั่วกาแฟที่ทันสมัย พร้อมงานตรวจสอบที่รับรองได้ว่าคุณจะได้เมล็ดกาแฟคั่วบดที่ได้คุณภาพ มาตรฐานพร้อมสร้างแบรนด์กลับไปอย่างแน่นอน
  • คั่วเข้ม (Dark Roast)

เมล็ดกาแฟคั่วเข้มนั้นมีจุดเด่นอยู่ที่ครีม่าโฟมสีทองที่ได้หลังจากสกัดกาแฟออกมาเป็นเอสเปรสโซ่ ซึ่งมาจากน้ำมันจากเมล็ดกาแฟที่ระเหยออกมาเคลือบผิวในขั้นตอนการคั่วกาแฟ กาแฟคั่วเข้มจะมีสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีดำ ค่อนข้างชื้น เนื่องจากน้ำมันที่มาเคลือบผิว รสชาติที่ได้จะมีความหวานสูงมาก ไม่เปรี้ยว และมีกลิ่นควันสโมก หอมกรุ่น เหมาะกับเมนูกาแฟนม หรือส่วนผสมใหม่ ๆ เช่น น้ำผลไม้ โซดา เป็นต้น วิธีการคั่วให้ได้เมล็ดกาแฟคั่วเข้มนั้นจะสังเกตจากเสียงแตกครั้งที่ 2 จากนั้นให้ดูสีของเมล็ดกาแฟคั่วหากเริ่มมีสีเข้มขึ้นอย่างชัดเจน ประกอบกับผิวของกาแฟคั่วถูกเคลือบด้วยน้ำมันอย่างเต็มเม็ดแล้วก็ถือเป็นอันใช้ได้แล้ว หากมีน้ำมันเคลือบผิวเยอะ ตอนสกัดน้ำกาแฟออกมาก็จะมีครีม่าเยอะ แต่ต้องระวังอย่าคั่วกาแฟนานจนเกินไป เพราะอาจกลายเป็นกาแฟไหม้ได้

ลักษณะของเมล็ดกาแฟสารที่พร้อมคั่ว

เมล็ดกาแฟสาร หรือเมล็ดกาแฟดิบ (Green Beans) คือเมล็ดกาแฟสด มีสีเขียวที่ผ่านกระบวนการแปรรูปขัดสีเอากะลากาแฟออก และบ่มจนมีความชื้นในระดับพร้อมคั่วเป็นที่เรียบร้อย เตรียมพร้อมสำหรับเป็นกาแฟสดคั่วบด โดยสารกาแฟที่ดีพร้อมสำหรับการคั่ว ส่วนใหญ่จะมีความชื้นอยู่ที่ 9-12% (ไม่ควรเกิน 12.5%) และได้รับการคัดมาอย่างไม่มีสิ่งแปลกปลอมผสมมาด้วย เช่น มอดหรือเศษพืช เป็นกาแฟสารเต็มเมล็ด มีสีเขียวมรกตอย่างเท่า ๆ กัน และไม่มีกลิ่นหมักเจือปนมา

งานตรวจสอบคุณภาพสารกาแฟ (Physical Analysis)

ก่อนคั่วกาแฟ สิ่งหนึ่งที่ตรวจสอบให้แน่ใจคือคุณภาพของสารกาแฟที่จะนำมาคั่วว่าได้คุณภาพพร้อมและพร้อมเป็นกาแฟสดคั่วบดหรือไม่ ทีมงานของฮิลล์คอฟฟ์จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อคัดสรรสารกาแฟที่ได้คุณภาพเท่านั้น รวมทั้งคัดกรองเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากเมล็ดกาแฟก่อนที่นำลงเครื่องคั่วกาแฟ

งานทดสอบรับรองรสชาติ (Cup testing)

งานทดสอบรับรองรสชาติ (Cup testing) ของทาง Hillkoff จะดำเนินการด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ มีความรู้และความเข้าใจในธรรมชาติของกาแฟเป็นอย่างดี ซึ่งในกระบวนการของงานทดสอบรสชาตินี้จะทดสอบทั้งกลิ่น รสชาติ ความเข้มข้น และรสชาติที่ติดค้างในปาก เพื่อให้ได้น้ำกาแฟคุณภาพดี ไม่มีข้อบกพร่อง ตลอดจนเป็นการปรับปรุงและควบคุมการคั่วเมล็ดกาแฟ และราคาเมล็ดกาแฟสดคั่วไปในตัวด้วย

งานผลิตกาแฟ

บริการรับผลิตกาแฟของ Hillkoff จะครอบคลุมตั้งแต่ กาแฟดริป (Drip Coffee), กาแฟแคปซูล, กาแฟ 3 in 1 ไปจนถึงกาแฟเสริมสุขภาพ ภายในงานผลิตกาแฟนี้ เราจะทำการคั่วกาแฟเพื่อทดสอบให้ได้ตัวอย่างที่ดีและตรงกับคาแรคเตอร์ที่คุณต้องการมากที่สุด จากนั้นก็จะเริ่มคั่วเมล็ดกาแฟของคุณด้วยเครื่องคั่วกาแฟของเรา รวมถึงออกแบบฉลากและบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีบริการโกดังเก็บรักษาที่ได้มาตรฐาน เพื่อคงสภาพเมล็ดกาแฟของคุณไว้ให้อีกด้วย เรียกได้ว่าใช้บริการรับคั่วกาแฟที่ Hillkoff นั้นคุณจะสามารถพร้อมสร้างแบรนด์ขายกาแฟคั่วเองได้เลย รองรับคุณภาพการผลิตดีเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์กาแฟของฮิลล์คอฟฟ์เองเลย

สร้างแบรนด์กาแฟ OEM ของคุณเองได้ง่าย ๆ กับ Hillkoff

การสร้างแบรนด์ขายเมล็ดกาแฟคั่วของตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย หากคุณทำแบรนด์กาแฟ OEM (Original Equipment Manufacturer) กับ Hillkoff ผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟและแหล่งขายเมล็ดกาแฟสดราคาถูก คุณภาพดี อันดับต้น ๆ ของเมืองไทย เรามีโรงคั่วกาแฟและบริการภายในที่พร้อมช่วยคุณสร้างแบรนด์ขายกาแฟคั่วให้ออกมาสมบูรณ์แบบได้ คุณภาพและมาตรฐานเทียบเท่าผลิตภัณฑ์ของฮิลล์คอฟฟ์เลย คุณสามารถกำหนดราคาเมล็ดกาแฟคั่ว และคุณภาพของผลิตภัณฑ์เองภายใต้กระบวนการผลิตสินค้าที่มีประสิทธิภาพของ Hillkoff เป็นเจ้าของธุรกิจเมล็ดกาแฟคั่วได้แล้ววันนี้ เพียงติดต่อเรา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้ Cookies Policy