Last updated: 20 ส.ค. 2566 | 1852 จำนวนผู้เข้าชม |
ปกติดริปเปอร์เราก็จะแบ่งเป็น 3 รูปทรงหลัก ๆ ด้วยกัน คือ ทรงกรวย (Cone-Shaped), ทรงคางหมู (Trapezoid), ทรงกระบอกหรือตะกร้า (Cylindrical, Basket) ซึ่งในการดริปของแต่ละดริปเปอร์ที่ว่ามานี้ รสชาติที่ได้นั่นก็แตกต่างกันออกไป เพราะตัวดริปเปอร์แต่ละแบบมีรูปทรงและทางไหลที่ไม่เหมือนกัน นั่นจึงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อรสชาติของกาแฟให้เกิดความแตกต่างกัน ในแต่ละแบบก็สร้างคาแรคเตอร์ให้รสชาติกาแฟกันยังไงบ้าง งั้นเรามาเริ่มจากแบบแรกกันเลย
ดริปเปอร์ทรงกรวย (Cone -Shaped)
ดริปเปอร์ทรงกรวยเป็นทรงยอดนิยม ที่รู้จักกันในชื่อ V60 ที่มีรูปทรงเป็นตัววี มุมของความเอียงอยู่ที่ 60 องศา และมีแนวเกลียวอยู่ด้านใน ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้น้ำไหลวนเข้าตรงกลางของกรวยดริปเปอร์ได้ง่ายในช่วงการสกัด
ในการสกัดน้ำจะไหลผ่านเพียงทางเดียวที่ปลายด้านล่างของกรวยดริปเปอร์ที่เป็นรูขนาดใหญ่ น้ำจะรวมตัวสร้างความความหนาแน่นที่ปลายทางไหล การเทน้ำจึงจำเป็นต้องควบคุมการเทไม่ให้เร็วหรือช้าเกินไป ไม่กระแทรกน้ำลงไปแรงจนน้ำขุ่น เพราะจะไปส่งผลต่อรสชาติและกลิ่นของกาแฟให้เพี้ยนไปได้ การใช้ดริปเปอร์แบบกรวยจะทำให้าได้รสชาติของกาแฟหวานเนื้อสัมผัสดี ละมุน และมีกลิ่นหอมชัดเจนมาก
ดริปเปอร์ทรงคางหมู (Trapezoid)
เป็นดริปเปอร์ลักษณะทรงกรวยที่มีส่วนปลายแคบเป็นแนวเส้นตรง มีรูขนาดเล็กอยู่ที่ส่วนปลาย ที่แบบ1รู กับ 3รู แรกเริ่มของดริปเปอร์ทรงนี้เกิดขึ้นใน ค.ศ.1908 มาจาก Melitta Bentz แม่บ้านเยอรมันชาวเมืองเดรสเดน เนื่องจากเธอต้องการสกัด"รสขม"ออกจากกาแฟต้ม ในการสกัดด้วยการแช่ และให้น้ำค่อยๆซึมผ่านผงกาแฟ ทำให้การสกัดกาแฟในแต่ละครั้งออกมาอย่างคงที่ จนได้น้ำที่ไหลผ่านออกมาอย่างสม่ำเสมอ และไม่เกิดการแช่ที่นานเกินไป เพื่อลดปัญหาในเรื่องการสกัดกาแฟที่มากเกินไป (Over-extraction) ทำให้ได้กาแฟรสชาติหวาน เนื้อสัมผัสที่ดี ละมุนนุ่มนวล ไม่ติดเปรี้ยมากไป
ดริปเปอร์ทรงกระบอกหรือตะกร้า (Cylindrical, Basket)
เป็นดริปเปอร์ที่มีลักษณะก้นแบนตัดเลียบ หรือ Flat ด้านบนจะเป็นทรงกรวย ทางไหลของการสกัดส่วนมากมี 3 รู สามารถใช้กระดาษดริปได้ 2 แบบทั้ง แบบกรวยแหลม และ กรวยแบน ซึ่งถูกคิดค้นจากบริษัท Karita ประเทศญี่ปุ่นเป็นที่แรก
ในการสกัดด้วยล่องน้ำทางไหลไม่ได้ลึกและเรียบการใส่ผงกาแฟที่ลงไปในแบบทรงกรวยผิวหน้าของกาแฟจะเรียบทำให้การควบคุมการเทน้ำทำได้ง่าย และรูระบายน้ำที่มีถึง 3 รู ส่งผลให้น้ำสามารถไหลผ่านผงกาแฟไปอย่างรวดเร็ว น้ำกาแฟจะไม่ถูกแช่ไว้นานเกินไป จึงลดปัญหาความเข้มของกาแฟที่ถูกสกัดไม่ให้เกิดความขมมากไป การใช้ดริปเปอร์แบบนี้จะได้รสและกลิ่นของกาแฟที่หอม นุ่ม และได้บารานซ์ของรสชาติกาแฟที่ดีอีกด้วย
ที่นี้ทราบกันแล้วนะครับว่าดริปเปอร์แต่ละแบบสร้างรสชาติของกาแฟอย่างไรกันบ้างแล้ว แต่ถ้าพูดถึงความอร่อยนั้นว่าดริปเปอร์ตัวไหนดีที่สุดสกัดกาแฟให้อร่อยที่สุด ในทีนี้ก็คงไม่มี เพราะรสชาติและความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะครับผม ใครชอบแนวไหนก็ลองหยิบมาดริปชิมกันดูนะครับ
เรียบเรียงโดย : Hillkoff Academy
25 ต.ค. 2567
16 ธ.ค. 2567