เปลือกกาแฟขยะบนดอย พัฒนาสู่เครื่องดื่มสยบไขมัน

Last updated: 7 ก.พ. 2568  |  47 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เปลือกกาแฟขยะบนดอย พัฒนาสู่เครื่องดื่มสยบไขมัน

            “กระบวนการผลิตเมล็ดกาแฟ มีเปลือกเชอร์รีถูกทิ้งให้เน่าเสียเป็นจำนวนมาก มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่คนจะนำไปทำปุ๋ยหมัก เมื่อก่อนเทคโนโลยียังไม่ทันสมัย เราจึงไม่รู้ว่าเปลือกเนื้อเชอร์รีกาแฟมีสารสำคัญที่มีคุณค่ามากกว่าเนื้อเมล็ดกาแฟ” น.ส.นฤมล ทักษอุดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮิลล์คอฟฟ์ จำกัด จ.เชียงใหม่ บอกถึงที่มาของเครื่องดื่ม คอฟโฟจินิคดริ้ง (Coffogenic Drink) ที่เกิดการศึกษาวิจัยร่วมกันของ 3 มหาวิทยาลัยในภาคเหนือ พะเยา, เชียงใหม่ และแม่โจ้ เพื่อแก้ปัญหาเปลือกกาแฟเชอร์รีของบริษัทฯ ที่มีเหลือทิ้งเป็นขยะมากถึงปีละ 300 ตัน


            จนพบว่ามีคลอโรจีนิก สารประกอบฟีนอลที่พบในกลุ่มพืชสีแดง มีคุณประโยชน์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ดักจับไขมัน ลดการอักเสบของ เซลล์ในร่างกาย

            เมื่อนำมาทดลองกับหนูที่ขุนเลี้ยงให้อ้วนด้วยอาหารไขมันสูงมานาน 3 เดือน โดยให้กินสารสกัดเข้มข้นจากเปลือกกาแฟเชอร์รีวันละครั้ง ติดต่อกันนาน 1 เดือน พบว่าในระยะ 7 วันแรกหลังได้รับสารสกัดจากเปลือกกาแฟเชอร์รี หนูทดลองมีระดับคอเลสเทอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันแอลดีแอลในเลือดและภาวะตับอักเสบเริ่มลดลง


และเมื่อหนูทดลองได้สารสกัดครบ 30 วัน การดื้อต่ออินซูลินและเอนไซม์ตับอัน เป็นตัวการก่อให้เกิดโรคตับอักเสบที่เกิดภาวะอ้วนลดลง
 
            จากคุณประโยชน์นี้ นฤมล จึงเริ่มศึกษาอุตสาหกรรมการผลิตกาแฟจากหลายแห่ง พบว่าสารอาหารที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ยังไม่เคยมีที่ไหนทำมาก่อน จึงเป็นโอกาสดีของอุตสาหกรรมกาแฟไทยที่จะได้นำเปลือกกาแฟเชอร์รีมาแปรรูปเป็นสินค้าได้

            ซึ่งผลกาแฟที่จะนำมาสกัดให้ได้สารสำคัญมากที่สุด ต้องเป็นผลที่มีสีแดง สุกแก่กำลังดี หลังเก็บเกี่ยวจากต้นต้องนำมาผ่านกระบวนการแปรรูปภายใน 6 ชม. ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เน่าเสีย


และหลังนำเมล็ดกาแฟทำความสะอาดสู่กระบวนการสี เพื่อให้เปลือกเชอร์รีหลุดออกมา ทำให้ช้ำเน่าเสียง่าย ต้องนำมาทำให้แห้งทันทีด้วยการอบลมร้อน 1 ชม. ตามด้วยนำเข้าอบในโดมพาราโบลาพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียสารสำคัญ

            เปลือกเชอร์รีสด 300 ตัน อบแห้งสามารถนำมาแปรรูปสกัดเป็นคอฟโฟจินิคดริ้ง ขนาด 60 มล. ได้ถึง 12,000 ขวด และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ดีกว่าปล่อยทิ้งให้เป็นขยะไร้ค่าเป็นไหนๆ 


ที่มา :  www.thairath.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้ Cookies Policy